เทน ฮาก โทษ ‘ความไม่ยุติธรรม’ แต่การจบสกอร์ที่ย่ำแย่กำลังทำร้ายแมนฯ ยูไหม?

เทน ฮาก

เทน ฮาก โทษ ‘ความไม่ยุติธรรม’ แต่การจบสกอร์ที่ย่ำแย่กำลังทำร้ายแมนฯ ยูไหม?

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบกับความผิดหวังอีกครั้งในการแข่งขัน พรีเมียร์ลีก เมื่อพ่ายแพ้ให้กับ เวสต์แฮม ด้วยสกอร์ 2-1 ในเกมที่เต็มไปด้วยประเด็นถกเถียง ผู้จัดการทีม เอริค เทน ฮาก (Erik ten Hag) แสดงความไม่พอใจอย่างมากต่อการตัดสินของผู้ตัดสิน

การแข่งขันที่ ลอนดอน สเตเดียม เป็นไปอย่างดุเดือด โดย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีโอกาสทำประตูหลายครั้งในครึ่งแรก แต่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้ ความพลาดโอกาสเหล่านี้ส่งผลให้ทีมต้องเสียใจในภายหลัง เมื่อ จาร็อด โบเวน (Jarrod Bowen) ยิงจุดโทษในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ และทั้งนี้หากใครไม่อยากพลาด www.pic5678.com mobile สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

จุดเปลี่ยนสำคัญของเกมเกิดขึ้นเมื่อผู้ตัดสิน เดวิด คูต (David Coote) ถูกเรียกให้ไปดูภาพช้าที่จอ VAR เพื่อพิจารณาจังหวะปะทะระหว่าง มัทไทจ์ส เดอ ลิกต์ (Matthijs de Ligt) กับ แดนนี่ อิงส์ (Danny Ings) หลังจากทบทวนภาพช้าอย่างยาวนาน ผู้ตัดสินตัดสินใจเป่าจุดโทษให้กับ เวสต์แฮม ท่ามกลางการประท้วงจากผู้เล่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เทน ฮาก (Ten Hag) กล่าวหลังจบเกมว่า การตัดสินครั้งนี้ขัดกับแนวทางการใช้ VAR ที่ควรจะแทรกแซงเฉพาะในกรณีที่เป็นความผิดพลาดชัดเจนเท่านั้น เขายังเน้นย้ำว่านี่เป็นครั้งที่สามแล้วในฤดูกาลนี้ที่ทีมของเขาต้องเผชิญกับการตัดสินที่ไม่ยุติธรรม

ด้าน ฆูเลน โลเปเตกี (Julen Lopetegui) ผู้จัดการทีม เวสต์แฮม มองว่าเป็นการตัดสินที่ถูกต้อง โดยอ้างอิงจากความเห็นของนักเตะและผู้ตัดสิน เขาชื่นชมทีมที่สามารถรักษาโมเมนตัมและพลังงานเชิงบวกจนจบเกม

ผลการแข่งขันนี้ส่งผลให้ เวสต์แฮม ขยับขึ้นไปอยู่อันดับ 13 ในตาราง พรีเมียร์ลีก ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ร่วงลงไปอยู่อันดับ 14 โดยชนะเพียง 3 นัดจาก 9 เกมแรกของฤดูกาล

พรีเมียร์ลีก ได้อธิบายผ่านช่องทางการสื่อสารอย่างเป็นทางการว่า การตัดสินให้จุดโทษเกิดจากการพิจารณาว่ามีการสัมผัสที่เพียงพอระหว่าง เดอ ลิกต์ (De Ligt) และ อิงส์ (Ings) จนนำไปสู่การทบทวนและเปลี่ยนการตัดสินในที่สุด

ความพ่ายแพ้ครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งบทเรียนสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ต้องปรับปรุงประสิทธิภาพการทำประตู และการรักษาความได้เปรียบในเกม การพลาดโอกาสทำประตูในช่วงต้นเกมส่งผลให้ทีมต้องเสียใจในภายหลัง และการตัดสินที่เป็นที่ถกเถียงก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อผลการแข่งขันในครั้งนี้

ทั้งสองทีมจะต้องเตรียมตัวสำหรับเกมต่อไปใน พรีเมียร์ลีก โดย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จำเป็นต้องกลับมาฟื้นฟูฟอร์มการเล่นโดยเร็ว เพื่อรักษาโอกาสในการจบอันดับท็อปโฟร์ของฤดูกาลนี้

วันนี้ทางเรา จึงสรุปข่าวของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ และทั้งนี้หากใครไม่อยากพลาด www.pic5678.com mobile สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

 

“แฟรงก์เผย: การคุมทีมใหญ่คงไม่ได้ทำให้ชีวิตผมดีขึ้น”

แฟรงก์

“แฟรงก์เผย: การคุมทีมใหญ่คงไม่ได้ทำให้ชีวิตผมดีขึ้น”

เซ็นสัญญาคุมทีมใหญ่ไม่ใช่เป้าหมายชีวิต โทมัส แฟรงก์ (Thomas Frank) เผยมีความสุขกับ เบรนท์ฟอร์ด (Brentford)

กุนซือชาว เดนมาร์ก (Denmark) โทมัส แฟรงก์ (Thomas Frank) เปิดเผยว่า การได้เป็นผู้จัดการทีมสโมสรใหญ่อาจไม่ได้ทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้น และยืนยันว่าเขามีความสุขกับการคุมทีม เบรนท์ฟอร์ด (Brentford) ในศึก พรีเมียร์ลีก (Premier League)

คำกล่าวนี้เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวที่ว่าเขาเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะเข้ามารับงานคุมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) แทนที่ เอริค เทน ฮาก (Erik ten Hag) ที่พาทีมทำผลงานได้ไม่ดีนัก โดยฤดูกาลนี้เพิ่งเก็บชัยชนะได้เพียง 3 นัด จาก 8 เกมในลีก

แม้ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) จะเพิ่งเอาชนะทีมของ แฟรงก์ (Frank) ในเกมล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งช่วยคลายแรงกดดันให้กับ เทน ฮาก (ten Hag) ไปได้บ้าง แต่กุนซือวัย 51 ปี ก็ยืนยันว่าเขาไม่ได้คิดที่จะย้ายออกจากสโมสรและทั้งนี้หากใครไม่อยากพลาด ทางเข้า sbobet ใหม่ล่าสุด สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

แฟรงก์ (Frank) ให้สัมภาษณ์ผ่านพอดคาสต์ Sports Agents ว่า “ผมกำลังทำงานอยู่กับหนึ่งในสโมสรที่ดีที่สุดในโลก จบการสนทนา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสอดคล้อง ภาวะผู้นำ วัฒนธรรม และทุกอย่าง แล้วทำไมผมถึงต้องย้ายออกจากที่นี่ด้วย”

“แน่นอนว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ บางครั้งคุณอาจต้องการแรงบันดาลใจใหม่ๆ หรือบางทีคุณอาจค้นพบแรงบันดาลใจใหม่ในสโมสรของคุณและตัดสินใจอยู่ต่อ แต่ผมมั่นใจว่าถ้าผมได้รับข้อเสนอให้ไปคุมทีมใหญ่และผมตัดสินใจไป มันคงไม่ได้ทำให้ชีวิตผมดีขึ้น ผมคิดว่าเราทุกคนรู้เรื่องนี้ดี”

โทมัส แฟรงก์ (Thomas Frank) เริ่มต้นการทำงานกับ เบรนท์ฟอร์ด (Brentford) ในตำแหน่งผู้ช่วยโค้ช ก่อนจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาแทนที่ ดีน สมิธ (Dean Smith) ในตำแหน่งผู้จัดการทีมเมื่อเดือนตุลาคม 2018

ผลงานอันโดดเด่นของเขาคือการพาทีมเลื่อนชั้นสู่ พรีเมียร์ลีก (Premier League) ผ่านเพลย์ออฟ แชมเปียนชิพ (Championship) ในปี 2021 ซึ่งเป็นการกลับมาเล่นในลีกสูงสุดของ อังกฤษ (England) ครั้งแรกในรอบ 74 ปี ปัจจุบันเขาเป็นผู้จัดการทีมที่คุมทีมยาวนานเป็นอันดับ 2 ใน พรีเมียร์ลีก (Premier League) รองจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า (Pep Guardiola) ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City)

แฟรงก์ (Frank) ยังเปิดเผยถึงการเสียสละในชีวิตว่า “ผมได้เสียสละมามากมายตลอดชีวิตเพื่อให้มาถึงจุดที่ผมอยู่ตอนนี้ ผมพลาดวันเกิดของลูกๆ ติดต่อกัน 5 ปี และทำงานสัปดาห์ละ 60-70 ชั่วโมงมา 30 ปีแล้ว คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรถ้าคุณย้ายไปทำงานที่อื่น”

“อาจจะดีกว่าที่นี่ก็ได้ แต่ผมไม่รู้ และเมื่อผมมองดูแรงกดดันที่ผู้จัดการทีมบางคนต้องเผชิญ ผมไม่คิดว่านั่นเป็นส่วนหนึ่งของฟุตบอลที่พวกเขารัก ผมมีความสุขที่นี่ อะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตก็ปล่อยให้มันเกิด แล้วเราค่อยว่ากันตอนนั้น”

วันนี้ทางเรา จึงสรุปข่าวของ โทมัส แฟรงก์ (Thomas Frank) มาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ และทั้งนี้หากใครไม่อยากพลาด ทางเข้า sbobet ใหม่ล่าสุด สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ